วันอังคารที่ 3 กรกฎาคม พ.ศ. 2555

IP Address ต่างกับ Domain name อย่างไร ???


ชื่อโดเมน หรือ โดเมนเนม ( domain name) หมายถึง ชื่อที่ใช้ระบุลงในคอมพิวเตอร์ (เช่น เป็นส่วนหนึ่งของที่อยู่เว็บไซต์ หรืออีเมลแอดเดรส) เพื่อไปค้นหาในระบบ โดเมนเนมซีสเทม เพื่อระบุถึง ไอพีแอดเดรส ของชื่อนั้นๆ เป็นชื่อที่ผู้จดทะเบียนระบุให้กับผู้ใช้เพื่อเข้ามายังเว็บไซต์ของตน บางครั้งเราอาจจะใช้ "ที่อยู่เว็บไซต์" แทนก็ได้
โดเมนเนม หรือ ชื่อโดเมน เป็นชื่อที่ตั้งขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ เนื่องจากไอพีแอดเดรสนั้นจดจำได้ยากกว่า และเมื่อการเปลี่ยนแปลงไอพีแอดเดรส ผู้ใช้ไม่จำเป็นต้องรับรู้หรือจดจำไอพีแอดเดรสใหม่ ยังคงใช้โดเมนเนมเดิมได้ต่อไป
อักขระที่จะใช้ในการตั้งชื่อโดเมนเนม ได้แก่ ตัวอักษรภาษาอังกฤษ ตัวเลข และ "-"  คั่นด้วย "."  โดยปกติ จะขึ้นต้นด้วยตัวอักษร และลงท้ายด้วยตัวอักษรหรือตัวเลข มีความยาวตั้งแต่ 1 ถึง 63 ตัวอักษร ตัวอักษรตัวใหญ่ A - Z หรือตัวอักษรตัวเล็ก ถือว่าเหมือนกัน
1 ไอพีแอดเดรส สามารถใช้โดเมนเนมได้มากกว่า 1 โดเมนเนม และหลายๆ โดเมนเนมอาจจะใช้ไอพีแอดเดรสเดียวกันได้
ความแตกต่างระหว่าง Domain Name URL และ Subdomain
                    ยูอาร์แอล: http://www.example.com/
                    โดเมนเนม: example.com
                    ซับโดเมน : subdomain.example.com
การจดทะเบียนชื่อโดเมน 
แบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
  • การจดทะเบียนโดเมนต่างประเทศ
  • การจดทะเบียนโดเมนภายในประเทศ
การจดทะเบียนโดเมนต่างประเทศ
  1. .com ใช้ทำเว็บไซต์ของบริษัท ห้างร้านโดยทั่วไป รวมทั้งเว็บไซต์ส่วนตัว และมีบางครั้งนำไปใช้ทำเว็บไซต์ (web site) ประเภทอื่นๆ ด้วย
  2. .net ใช้ทำเว็บไซต์เกี่ยวกับระบบเน็ตเวิร์ค (network) ของคอมพิวเตอร์ หรือเว็บไซต์บริการอินเทอร์เน็ต แต่บางครั้งก็นำไปใช้ด้านอื่นด้วย
  3. .org ใช้ทำเว็บไซต์ของส่วนราชการ บางครั้งก็มีการจดทะเบียนนำไปใช้กับเว็บไซต์ประเภทอื่นด้วย
การจดทะเบียนโดเมนภายในประเทศ
  1. .co.th ใช้ทำเว็บไซต์ของบริษัท ห้างร้านโดยทั่วไป
  2. .or.th ใช้ทำเว็บไซต์ของส่วนราชการ และชื่อโดเมนต้องเป็นชื่อขององกร หรือตัวย่อของชื่อองค์กรนั้นๆ ต้องใช้สำเนาเอกสารทางราชการเป็นหลักฐานการจดทะเบียน
  3. .ac.th ใช้ทำเว็บไซต์ของสถานศึกษาต่างๆ ชื่อของโดเมนที่จดทะเบียนต้องเป็นชื่อของสถานศึกษานั้นๆ หรือชื่อย่อของชื่อสถานศึกษา ใช้สำเนาเอกสารการขออนุญาตก่อตั้งสถานศึกษาเป็นหลักฐาน
  4. .go.th ใช้ทำเว็บไซต์ของส่วนราชการของประเทศไทย โดยปกติจะเป็นองค์กรขนาดใหญ่
  5. .in.th ใช้ทำเว็บไซต์ของบุคคลธรรมดาโดยทั่วไป ชื่อโดเมนจะใช้ชื่ออะไรก็ได้ แต่ต้องอยู่ภายใต้นโยบายชื่อโดเมน ของ THNIC การจดโดเมนนี้ ใช้สำเนาบัตรประชาชน หรือสำเนาใบขับขี่เป็นหลักฐานการจดทะเบียน
หลักที่ใช้ในการตั้งชื่อโดเมน 
  1. ความยาวของชื่อ Domain ตั้งได้ไม่เกิน 63 ตัวอักษร
  2. สามารถใช้ตัวอักษรภาษาอังกฤษผสมกับตัวเลข หรือเครื่องหมายขีด (-) ได้
  3. ตัวอักษรภาษาอังกฤษ ใช้ตัวเล็กหรือตัวใหญ่ก็ได้
  4. ห้ามใช้เครื่องหมายขีด (-) นำหน้าชื่อ domain
  5. ห้ามเว้นวรรคในชื่อโดเมน
                เว็บไซต์ปกติโดยทั่วไป จะมีทั้งแบบจดทะเบียนและไม่จดทะเบียน ที่แบบไม่จดทะเบียนนั้น ก็อาจจะได้แก่ เว็บไซต์ที่ฝากไว้ตามเซิร์ฟเวอร์ฟรีต่างๆ อย่างเช่น geocities.com, hypermart.net เป็นต้น ซึ่งเว็บไซต์เหล่านี้ เราสามารถสร้างขึ้น และนำไปอัพโหลดได้ทันที โดยไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายแต่อย่างใด และอีกประเภทหนึ่ง คือ แบบจดทะเบียน นั่นคือคุณต้องทำการจดทะเบียนชื่อเว็บไซต์ของคุณ ให้เป็น .com, .net, .org และอื่นๆ แล้วแต่ประเภทของเว็บไซต์ของคุณ ซึ่งหากคุณเป็นเว็บไซต์ประเภทส่วนบุคคล หรือการค้า ก็เป็น.com และถ้าหากคุณเป็นบริษัทที่ให้บริการเกี่ยวกับเครือข่าย ก็อาจจะใช้.net และถ้าหากเป็นประเภท องค์กร ก็จะใช้.org บางครั้ง คุณอาจจะเห็นเป็น .co.th นั่นก็หมายความว่า เป็นเว็บไซต์ประเภทการค้า ซึ่งจดทะเบียนภายในประเทศไทย .ac.th ก็หมายความว่า เป็นเว็บไซต์ของสถานศึกษาที่จดทะเบียนในประเทศไทย จะเห็นได้ว่า ถ้าลงท้ายด้วย.th .uk .jp ฯลฯ แสดงว่าเป็นเว็บไซต์ที่จดทะเบียนในประเทศนั้นๆ ส่วนที่ไม่มีชื่อประเทศต่อท้าย ก็จะจดที่ประเทศสหรัฐอเมริกาทั้งหมด
       ตัวอย่างเว็ปไซต์ที่ใช้ในการจดโดเมนเนม
1. Web ที่ให้บริการจด domain เป็นหลัก (ให้บริการจด dot com นั่นเอง)
  1. NetworkSolutions.com
  2. Register.com
  3. SiamDomain.com
  4. DomainAtCost.com
  5. NameZero.com
2. Web ที่ให้บริการพื้นที่สร้างเว็บ (แต่ไม่รับจด dotcom โดยตรง)
  1. se-ed.net  
  2. Thai.net 
  3. Geocities.com  
  4. Nbci.com  
  5. Hypermart.net  
3. Web ที่ให้บริการจด domain พร้อม พื้นที่สร้างเว็บ
  1. Thcity.com
  2. topsiam.com 
  3. thailandhosting.net
  4. siamsavehost.com

4. ISP (Co-location หรือ Dedicate server)
ผู้ให้บริการ internet ของไทย (ISP - Internet Service Provider)
ISP หลายแห่งรับ web hosting ด้วยนะครับ บางแห่งครบวงจรเลยครับ ทำทุกอย่าง เพื่อบริการที่ดีที่สุด
  1. บริษัท เคเอสซี คอมเอร์เชียล อินเทอร์เน็ต ในกลุ่มบริษัทเคเอสซี KSC
  2. บริษัท อินเทอร์ประเทศไทย รัฐวิสาหกิจในสังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และสิ่งแวดล้อมINET
  3. บริษัท ล็อกซ์เล่ย์ อินฟอร์เมชัน ในเครือล็อกซ์เล่ย์ LOXINFO
  4. บริษัท อินโฟแอคเซส ในเครือวัฎจักร INFONEWS
  5. บริษัท สามารถอินโฟเน็ต ในกลุ่มบริษัทสามารถ SAMART Cybernet
  6. บริษัท เอ-เน็ต จำกัด ในเครือนิว คอร์ปอเรชัน A-Net Internet
  7. บริษัท เวิลด์เน็ต แอนด์ เซอร์วิสเซส ในเครือยูคอม APRICOT
  8. บริษัท ไอเน็ต ประเทศไทย Asiaaccess
  9. บริษัท ไอเดีย เน็ต Idea net
  10. บริษัท ดาต้าลายไทย ในเครือดาต้าแมท Line thai
  11. บริษัท เอเชีย อินโฟเน็ต ในเครือเทเลคอมเอเชีย Asia net
  12. บริษัท ซี.เอส. คอมมิวนิเคชัน ในกลุ่มชินวัตร CS internet

IP Address คืออะไร ???

IP Address คืออะไร  
       IP Address ย่อมาจากคำเต็มว่า Internet Protocal Address คือหมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องในระบบเครือข่ายที่ใช้โปรโตคอลแบบ TCP/IP 
ถ้าเปรียบเทียบก็คือบ้านเลขที่ของเรานั่นเอง ในระบบเครือข่าย จำเป็นจะต้องมีหมายเลข IP กำหนดไว้ให้กับคอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ต้องการ IP ทั้งนี้เวลามีการโอนย้ายข้อมูล หรือสั่งงานใดๆ จะสามารถทราบตำแหน่งของเครื่องที่เราต้องการส่งข้อมูลไป จะได้ไม่ผิดพลาดเวลาส่งข้อมูล ซึ่งประกอบด้วยตัวเลข 4 ชุด มีเครื่องหมายจุดขั้นระหว่างชุด  เช่น 192.168.100.1 หรือ 172.16.10.1  เป็นต้น  โดยหมายเลข IP Address ของเครื่องคอมพิวเตอร์แต่ละเครื่องจะมีค่าไม่ซ้ำกัน สิ่งตัวเลข 4 ชุดนี้บอก คือ Network ID กับ Host ID ซึ่งจะบอกให้รู้ว่า เครื่อง computer ของเราอยู่ใน network ไหน และเป็นเครื่องไหนใน network นั้น เราจะรู้ได้อย่างไรว่า Network ID และ Host ID มีค่าเท่าไหร่ ก็ขึ้นอยู่กับว่า IP Address นั้น อยู่ใน class อะไร 
       เหตุที่ต้องมีการแบ่ง class ก็เพื่อให้เกิดความเป็นระเบียบ เป็นการแบ่ง IP Address ออกเป็นหมวดหมู่นั้นเอง สิ่งที่จะเป็นตัวจำแนก class ของ network ก็คือ bit ทางซ้ายมือสุดของตัวเลขตัวแรกของ IP Address (ที่แปลงเป็นเลขฐาน 2 แล้ว) นั่นเอง โดยที่ถ้า bit ทางซ้ายมือสุดเป็น 0 ก็จะเป็น class A ถ้าเป็น 10 ก็จะเป็น class B ถ้าเป็น 110 ก็จะเป็น class C ดังนั้น IP Address จะอยู่ใน class A ถ้าตัวเลขตัวแรกมีค่าได้ตั้งแต่ 0 ? 127 (000000002 ? 011111112) จะอยู่ใน class B ถ้าเลขตัวแรกมีค่าตั้งแต่ 128 ? 191 (100000002 ? 101111112) และ จะอยู่ใน class C ถ้าเลขตัวแรกมีค่าตั้งแต่ 192 - 223 (110000002 ? 110111112) มีข้อยกเว้นอยู่นิดหน่อยก็คือตัวเลข 0, 127 จะใช้ในความหมายพิเศษ จะไม่ใช้เป็น address ของ network ดังนั้น network ใน class A จะมีค่าตัวเลขตัวแรก ในช่วง 1 ? 126 
       สำหรับตัวเลขตั้งแต่ 224 ขึ้นไป จะเป็น class พิเศษ  อย่างเช่น  Class D ซึ่งถูกใช้สำหรับการส่งข้อมูลแบบ Multicast ของบาง Application และ Class E ซึ่ง Class นี้เป็น Address ที่ถูกสงวนไว้ก่อน ยังไม่ถูกใช้งานจริง ๆ  โดย Class D และ Class E นี้เป็น Class พิเศษ ซึ่งไม่ได้ถูกนำมาใช้งานในภาวะปกติ

    ตัวอย่าง IP Address
    Class A ตั้งแต่ 10.xxx.xxx.xxx
    Class B ตั้งแต่ 172.16.xxx.xxx ถึง 172.31.xxx.xxx
    Class C ตั้งแต่ 192.168.0.xxx ถึง 192.168.255.xxx 

       จาก IP Address เราสามารถที่จะบอก ได้คร่าวๆ ว่า computer 2 เครื่องอยู่ใน network วงเดียวกันหรือเปล่าโดยการเปรียบเทียบ Network ID ของ IP Address ถ้ามี Network ID ตรงกันก็แสดงว่าอยู่ใน network วงเดียวกัน เช่น computer เครื่องหนึ่งมี IP Address 1.2.3.4 จะอยู่ใน network วงเดียวกับอีกเครื่องหนึ่งซึ่งมี IP Address 1.100.150.200 เนื่องจากมี Network ID ตรงกันคือ 1 (class A ใช้ Network ID 1 byte) 

    วิธีตรวจสอบ IP Address
    1.คลิกปุ่ม Start เลือก Run
    2.พิมพ์คำว่า cmd กดปุ่ม OK
    3.จะได้หน้าต่างสีดำ
    4.พิมพ์คำว่า ipconfig กด enter
    5.จะเห็นกลุ่มหมายเลข IP Address 

Web browser หมายถึงอะไร??


Web browser หมายถึงอะไร Web browser คือ

เว็บเบราว์เซอร์ (web browserเบราว์เซอร์ หรือ โปรแกรมดูเว็บ คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ที่ผู้ใช้สามารถดูข้อมูลและโต้ตอบกับข้อมูลสารสนเทศที่จัดเก็บในหน้าเวบที่สร้างด้วยภาษาเฉพาะ เช่น ภาษาเอชทีเอ็มแอล (html) ที่จัดเก็บไว้ที่ระบบบริการเว็บหรือเว็บเซิร์ฟเวอร์ หรือระบบคลังข้อมูลอื่น ๆ โดยโปรแกรมค้นดูเว็บเปรียบเสมือนเครื่องมือในการติดต่อกับเครือข่ายคอมพิวเตอร์ขนาดใหญ่ที่เรียกว่าเวิลด์ไวด์เว็บ
ประโยชน์ของ Web Browser
สามารถดูเอกสารภายในเว็บเซิร์ฟเวอร์ได้ อย่างสวยงามมีการแสดงข้อมูลในรูปของ ข้อความ ภาพ และระบบมัลติมีเดียต่างๆ ทำให้การดูเอกสารบนเว็บมีความน่าสนใจมากขึ้น ส่งผลให้อินเตอร์เน็ตได้รับความนิยมเป็นอย่างมากเช่นในปัจจุบัน ปัจจุบัน web browser ส่วนใหญ่จะรองรับ html 5 และ อ่าน css เพื่อความสวยงามของหน้า web page

รายชื่อเว็บเบราว์เซอร์ (web browser) ที่เป็นที่นิยมอย่างแพร่หลาย
  1. Internet Explorer
  2. Mozilla Firefox
  3. Google Chrome
  4. Safari
รูปโลโก้

www. ย่อมาจากคำว่าอะไร ???

ความเป็นมาของ WWW
www  เริ่มมีพัฒนาการมาในราวปี  ค.ศ .    1989      ที่ Cern ซึ่งเป็นห้องปฏิบัติการทางฟิสิกส์แห่งยุโรป                  ตั้งอยู่ที่ประเทศสวิตเซอร์แลนด์  โดย  Bernner – Lee   เป็นผู้ริเริ่มโครงการ   ต่อมาในปี  ค.ศ.  1990   ก็ได้ทำการพัฒนา     www  ให้มีประสิทธิภาพมาก
World Wide Web หมายถึงอะไร
     Wold Wide Web ( WWW )   หมายถึง  เน็ตเวิร์คที่มีการเชื่อมต่อกันไปทั่วโลก   เรียกย่อว่า   “ เว็บ “  (   Web )  ในเว็บมีอะไรหลายอย่างที่น่าสนใจเก็บรวบรวม  ทำให้สามารถดูเอกสารหรือค้นหาสารสนเทศที่ต้องการได้ ซึ่งจะแสดงผลออกมาทีละหน้า  แต่ละหน้าเรียกว่า  “เว็บเพจ”  ( Web Page )
แหล่งเก็บเว็บเพจ
     เว็บไซต์  หมายถึง   เครื่องคอมพิวเตอร์ที่ทำหน้าที่เป็นโกดัง
หรือแหล่งเก็บเว็บเพจต่าง ๆ  ที่มีการเผยแพร่บนอินเตอร์เน็ต   ซึ่งเว็บ
บราวเซอร์จะทำการติดต่อกับเว็บไซต์ที่เก็บเว็บเพจนั้น
     ปัจจุบันหน่วยงานต่าง  ๆ ไม่ว่าภาครัฐหรือภาคเอกชน   รวมทั้งองค์กรอิสระต่าง  ๆให้ความสนใจในการสร้างเว็บไซต์ของตัวเอง   เพื่อเป็นแหล่งสารสนเทศ   ข้อมูลและข่าวสารเพื่อการเผยแพร่ข้อมูลภายในองค์กรของตัวเอง
     URL  คือ  ตำแหน่งที่เก็บเว็บเพจ   ดังนั้นเมื่อ
ต้องการเปิดเว็บเพจที่ต้องการจะต้องระบุตำแหน่งที่ต้องการ  
จะต้องระบุตำแหน่งของเว็บเพจนั้น  ๆ  ซึ่งเรียกว่า  URL
( Uniform   Resource  Location  )
การอ่านข้อมูลจากเว็บบราวเซอร์
     Web Browser    ทุกชนิดจะทำงานโดยการอ่านข้อมูลจาก
Web Server   ดังนั้นเครื่องคอมพิวเตอร์จะต้องติดตั้ง Web Browser
ไว้เสมอ เช่น  Nescape  Comminucation , IE

Home page คืออะไร


Home page คืออะไร โฮมเพจ คือ หน้าแรกของเว็บไซต์

Home page คืออะไร
โฮมเพจ คือคำที่ใช้เรียกหน้าแรกของเว็บไซต์ โดยเป็นทางเข้าหลักของเว็บไซต์ เมื่อเปิดเว็บไซต์นั้นขึ้นมา โฮมเพจ ก็จะเปรียบเสมือนกับเป็นสารบัญและคำนำที่เจ้าของเว็บไซต์นั้นได้สร้างขึ้น เพื่อใช้ประชาสัมพันธ์องค์กรของตน นอกจากนี้ ภายในโฮมเพจก็อาจมีเอกสารหรือข้อความที่เชื่อมโยงต่อไปยังเว็บเพจอื่นๆอีกด้วย

ตัวอย่าง Home page ของ google

Home page คืออะไร โฮมเพจ คือ หน้าแรกของเว็บไซต์
ในหน้าโฮมเพจของเว็บไซต์ มักประกอบด้วยส่วนต่าง ๆ ดังนี้ 
1.โลโก้ (logo) คือสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้ผู้เข้าชมสามารถจดจำเว็บไซต์ของเราได้ นอกจากนี้แล้วโลโก้ยังช่วยให้เว็บไซต์ของเราดูมีเอกลักษณ์อีกด้วย
2. เมนูหลัก (link menu) เป็นจุดที่เชื่อมโยงข้อมูลที่สำคัญ ซึ่งรวบรวมไว้ในรูปแบบของปุ่มเมนู หรือข้อความที่ผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์สามารถรับรู้เรื่องราวที่น่าสนใจของเว็บไซต์ได้ ควรมีข่าวใหม่ๆ เนื้อหาใหม่ๆมาตลอด
3. โฆษณา (Banner) เป็นส่วนที่สำคัญอีกเช่นเดียวกัน  เพราะเว็บไซต์ที่มีโฆษณาจะช่วยส่งเสริมภาพลักษณ์ ความน่าเชื่อถือ และช่วยกระตุ้นความสนใจเพราะมักใช้ภาพเคลื่อนไหว (Gif Animation)  ประกอบซึ่งจะทำให้เว็บไซต์ของเราดูตื่นตาตื่นใจมากขึ้น จากการวิจัยพบว่าภาพเคลื่อนไหวยังช่วยให้เว็บไซต์ของเราดูน่าสนใจมากยิ่งขึ้นถึง 30%  แต่ไม่ควรมีโฆษณามากเกินไปและควรจัดวางตำแหน่งให้เหมาะสมอีกด้วย 
4. ภาพประกอบและเนื้อหา (content)  เป็นส่วนที่ให้สาระความรู้กับผู้เข้าชม ซึ่งเนื้อหาที่ให้จะต้องมีขนาดพอเหมาะไม่สั้นหรือยาวจนเกินไป  ควรมีการปรับเนื้อหาให้ใหม่ทันกับปัจจุบันอยู่ตลอดเวลา จัดวางเนื้อหาให้เหมาะสมกับผู้ที่เข้ามาชมเนื้อหา และการมีภาพที่เกี่ยวข้องประกอบอยู่ยิ่งจะทำให้เว็บไซต์เป็นที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น 
5. การใช้สีให้เหมาะสมกับหน้าโฮมเพจ (color)เพราะสีแต่ละสีจะให้ความรู้สึกที่มีผลด้านอารมณ์กับผู้เข้าชมในลักษณะที่แตกต่างกันไป

การสร้างโฮมเพจ สามารถทำได้หลายวิธีเช่น
1. ใช้ Web Hosting ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ทำหน้าที่ให้บริการจัดเก็บข้อมูล โดยบางเว็บไซต์ให้บริการในการสร้างโฮมเพจสำเร็จรูปกับผู้ต้องการในการมีโฮมเพจ ซึ่งจะมีรูปแบบของโฮมเพจให้เลือกได้ตามที่ต้องการ หรือต้องการให้ออกแบบตามความประสงค์ของผู้ใช้บริการก็ได้ 
2. ใช้โปรแกรมสร้างเว็บเพจ เป็นการสร้างโฮมเพจโดยการใช้โปรแกรมสำเร็จรูปในการสร้าง ทำให้สามารถสร้างตาราง จัดวางตำแหน่งข้อความหรือรูปภาพได้สะดวก ตลอดจนการปรับแต่งแก้ไขจะทำได้ง่าย ซึ่งโปรแกรมที่นิยมใช้ในปัจจุบันได้แก่โปรแกรม Dreamweaver, FrontPage, Go Live หรือ Home Site เป็นต้น 
3.โปรแกรมภาษา HTML และ JavaScript การสร้างโฮมเพจโดยใช้โปรแกรมภาษา HTML และ JavaScript นั้น ผู้สร้างโฮมเพจจะต้องมีความสามารถและความชำนาญในการเขียนโปรแกรมได้เป็นอย่างดี เนื่องจากการสร้างโฮมเพจด้วยวิธีนี้ เป็นการพิมพ์คำสั่งและข้อมูลที่ต้องการแสดงบนโฮมเพจพร้อมกัน 

เว็บไซต์ คืออะไร??


เว็บไซต์ (Web Site) คือ แหล่งที่เก็บรวบรวมข้อมูลเอกสารและสื่อประสมต่าง ๆ เช่น ภาพ เสียง ข้อความ ของแต่ละบริษัทหรือหน่วยงานโดยเรียกเอกสารต่าง ๆ เหล่านี้ว่า เว็บเพจ (Web Page) และเรียกเว็บหน้าแรกของแต่ละเว็บไซต์ว่า โฮมเพจ (Home Page) หรืออาจกล่าวได้ว่า เว็บไซต์ก็คือเว็บเพจอย่างน้อยสองหน้าที่มีลิงก์ (Links) ถึงกัน ตามหลักคำว่า เว็บไซต์จะใช้สำหรับผู้ที่มีคอมพิวเตอร์แบบเซิร์ฟเวอร์หรือจดทะเบียนเป็นของตนเองเรียบร้อยแล้วเช่น www.google.co.th ซึ่งเป็นเว็บไซต์ที่ให้บริการสืบค้นข้อมูลเป็นต้น
 
 
 สรุป เว็บไซต์ คือ ชื่อเรียกหรือที่อยู่ของเครื่องคอมพิวเตอร์ที่ให้บริการ
เว็บเพจ คือ หน้าแต่ละหน้าที่มีการเชื่อมโยงถึงกัน
โฮมเพจ คือ หน้าแรกที่เข้าสู่เว็บไซต์นั้น ๆ
 
 
 
 ส่วนประกอบของเว็บเพจที่สำคัญ มีดังนี้
1. ข้อความ (Text) ได้แก่ ตัวอักษร ตัวเลข ซึ่งอาจเป็นภาษาอังกฤษ ไทย หรือภาษา อื่น ๆ ก็ได้
2. กราฟิก (Graphics) ได้แก่ ภาพวาดและรูปภาพต่าง ๆ
3. มัลติมีเดีย (Multimedia) ได้แก่ ภาพเคลื่อนไหว ภาพวีดิทัศน์ เสียง
4. ลิงก์ (Link) ข้อความหรือรูปภาพที่มีลักษณะพิเศษ ซึ่งสามารถเชื่อมโยงไปยัง เว็บเพจอื่น ๆ ได้ เราสามารถตรวจสอบได้ว่าส่วนใดเป็นลิงก์โดยนำเมาส์ไปนี้สัญลักษณ์เมาส์จะเปลี่ยนเป็นมือ ? แสดงว่าส่วนนั้นเป็นลิงก์

เว็บเพจคืออะไร ??


เว็บเพจ (อังกฤษwebpage, web page) หรือ หน้าเว็บ หมายถึง หน้าหนึ่ง ๆ ของเว็บไซต์ ที่เราเปิดขึ้นมาใช้งาน
โดยทั่วไป เว็บเพจส่วนใหญ่จะอยู่ในรูปของเอกสาร HTML หรือ XHTML (ซึ่งมักมีนามสกุลไฟล์เป็น htm หรือ html) มีลิงก์สำหรับเชื่อมโยงไปยังเว็บเพจหน้าอื่น ๆ สามารถใส่รูปภาพและรูปภาพยังสามารถเป็นลิงก์ กล่าวคือสามารถคลิกบนรูปเพื่อกระโดดไปหน้าอื่นได้ นอกจากนี้ยังสามารถใส่แอปเพล็ต (applet) ซึ่งเป็นโปรแกรมขนาดเล็กแสดงภาพเคลื่อนไหว มีปฏิสัมพันธ์กับผู้ใช้ หรือสร้างเสียง ได้อีกด้วย
โปรแกรมที่ใช้เปิดดูเว็บเพจ เรียกว่า เว็บเบราว์เซอร์ ตัวอย่างเว็บเบราว์เซอร์ที่เป็นที่นิยม เช่น อินเทอร์เน็ตเอกซ์พลอเรอร์, Netscape, มอซิลลา ไฟร์ฟอกซ์, และ ซาฟารี เป็นต้น
โปรแกรมสำหรับสร้างเว็บเพจ เช่น โปรแกรม Macromedia Dreamweaver , PHP & MySQL , Flash Professional เป็นต้น

อินเทอร์เน็ตคืออะไร ?!

อินเทอร์เน็ต คืออะไร ?
 อินเทอร์เน็ต(Internet) คือ เครือข่ายนานาชาติ ที่เกิดจากเครือข่ายขนาดเล็กมากมาย รวมเป็นเครือข่ายเดียวทั้งโลก หรือเครือข่ายสื่อสาร ซึ่งเชื่อมโยงระหว่างคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ที่ต้องการเข้ามาในเครือข่าย สำหรับคำว่า internet หากแยกศัพท์จะได้มา 2 คำ คือ คำว่า Inter และคำว่า net ซึ่ง Inter หมายถึงระหว่าง หรือท่ามกลาง และคำว่า Net มาจากคำว่า Network หรือเครือข่าย เมื่อนำความหมายของทั้ง 2 คำมารวมกัน จึงแปลว่า การเชื่อมต่อกันระหว่างเครือข่าย IP (Internet protocal) Address คอมพิวเตอร์ทุกเครื่องที่เชื่อมต่อกันใน internet ต้องมี IP ประจำเครื่อง ซึ่ง IP นี้มีผู้รับผิดชอบคือ IANA (Internet assigned number authority) ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางที่ควบคุมดูแล IPV4 ทั่วโลก เป็น Public addressที่ไม่ซ้ำกันเลยในโลกใบนี้ การดูแลจะแยกออกไปตามภูมิภาคต่าง ๆ สำหรับทวีปเอเชียคือ APNIC (Asia pacific network information center)แต่การขอ IP address ตรง ๆ จาก APNIC ดูจะไม่เหมาะนัก เพราะเครื่องคอมพิวเตอร์ต่าง ๆ เชื่อมต่อด้วย Router ซึ่งทำหน้าที่บอกเส้นทาง ถ้าท่านมีเครือข่ายของตนเองที่ต้องการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ก็ควรขอ IP address จาก ISP (Internet Service Provider) เพื่อขอเชื่อมต่อเครือข่ายผ่าน ISP และผู้ให้บริการก็จะคิดค่าใช้จ่ายในการเชื่อมต่อตามความเร็วที่ท่านต้องการ เรียกว่า Bandwidth เช่น 2 Mbps แต่ถ้าท่านอยู่ตามบ้าน และใช้สายโทรศัพท์พื้นฐาน ก็จะได้ความเร็วในปัจจุบันไม่เกิน 56 Kbps ซึ่งเป็น speed ของ MODEM ในปัจจุบัน

วันศุกร์ที่ 22 มิถุนายน พ.ศ. 2555

[PSP] Hatsune Miku : Project Diva 2nd - ร่ำร้องและเต้นรำไปกับเสียงของเธอ ~~~

รวบรวมรายละเอียดเพลงและอื่น ๆ ของภาค Extend ครับ



初音ミク -Project DIVA- Extend



วันวางจำหน่าย 10 พฤศจิกายน พ.ศ.2554

อีกหนึ่งภาคของเกมกดเพลงที่นำขบวนโดย เวอร์ช่วลไอดอลที่น่าจะโด่งดังที่สุดในโลกคนหนึ่งไปแล้วในขณะนี้ หนูมิกุ ที่มีอายุครบ 4 ปีไปหมาด ๆ เมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา พร้อมด้วยผองเพื่อนจากโปรแกรมแต่งเพลงด้วยเสียงสังเคราะห์ โวคาลอยด์ อีกมากมายเช่นเดิม

ในภาคนี้แม้จะถัดจากภาค 2nd แต่ก็ไม่ได้ถูกนับเป็นภาคที่ 3 คิดว่าเพราะช่วงนี้ PSP ก็อยู่ในช่วงปลายยุคแล้ว และก็คงรอเพลงใหม่ ๆ กับรอเปิดตัวเต็มรูปแบบลงเครื่อง Vita ในอนาคตมากกว่า ภาคนี้จึงใช้ชื่อว่า Extend และประกอบไปด้วยเพลงเก่าและใหม่มากมาย ซึ่งระบบการเล่นพื้นฐานก็ไม่ได้ต่างกับภาค 2nd แต่อย่างใด

สำหรับท่านที่เพิ่งเริ่มเล่นใหม่ สามารถไปดูวิธีการเล่นเบื้องต้นได้ที่หน้าแรกครับ





ส่วนที่เพิ่มเติมเข้ามาใหม่และจุดที่ต่างจากเดิม


HELP & CHALLENGE ITEM

ได้มีการตัดไอเท็มตัวช่วยบางตัวจากภาค 2 ออก และได้เพิ่มไอเท็มหมวด Challenge เข้าไปอีก เพื่อความท้าทายของเหล่านิวไทป์ โดยไอเท็มทั้งหมดมีดังนี้ครับ

หมวด HELP

1.プレイアシスト Play Assist
ราคา 1000
สรรพคุณ เปลี่ยนโน้ตทั้งหมดที่เรากดพลาดได้ SAD หรือวืดได้ WORST ให้กลายเป็น SAFE ให้หมด แปลว่าเราจะเป็นอมตะตลอดเพลงแม้ไม่ต้องกดโน้ตสักตัว แต่ไม่ว่าจะกดได้คอมโบหรือแต้มแค่ไหน ผลประเมินคะแนนตอนจบเพลงจะได้ CHEAP คือไม่ผ่าน นั่นเอง (ประโยชน์ไว้สำหรับฝึกซ้อมดูโน้ตและทดลองกดคอมโบทั้งหมดในแต่ละเพลง)

2.コンボガード Combo Guard
ราคา 1500
สรรพคุณ เปลี่ยนโน้ตที่กดได้ SAFE หรือ SAD จำนวน 10 ตัวให้กลายเป็น Fine ช่วยต่ออายุคอมโบให้กับเราได้

3.リカバリー Recovery
ราคา 2000
สรรพคุณ เมื่อพลังชีวิตหมดหลอด (ตาย) จะฟื้นชีพให้โดยมีพลังกลับคืนมาครึ่งหลอด

หมวด CHALLENGE

1.COOL&FINE
ราคา 3000
สรรพคุณ เมื่อกดโน้ตได้ Cool และ Fine เท่านั้นที่จะนับว่ากดถูกต้อง ในกรณีที่กดได้ SAFE หรือ SAD ไอเท็มนี้จะให้เราได้ Worst (ไม่ได้คะแนน เสียคอมโบ เลือดลด) ทันที แต่เมื่อจบเพลง เราจะได้เงินมากกว่าเดิม 2 เท่า เป็นการตอบแทน

2.サバイバル Survival
ราคา 5000
สรรพคุณ พลังชีวิตจะไม่เพิ่มแม้ว่าจะกดโน้ตได้เท่าไหร่ก็ตาม มีแต่จะลดเท่านั้น แต่เมื่อจบเพลง เราจะได้เงินมากกว่าเดิมถึง 4 เท่า เป็นการตอบแทน

หมวดนี้หลัก ๆ มีไว้หาเงินครับ เพราะสามารถได้เงินหลักแสนได้ในการเล่นเพียงเพลงเดียว ดังภาพ




อื่น ๆ

1.ในภาคที่แล้ว เราสามารถใช้ไอเท็มช่วยในการเล่นได้ตามปกติ แต่ในภาคนี้ หากใช้ไอเท็มหมวด Help ในการเล่น เมื่อจบเพลงแล้ว สัญลักษณ์การเคลียร์เพลงของเราในกรณีที่ได้ Perfect จากมงกุฎทองจะกลายเป็นมงกุฎชมพู เพื่อประจานว่าท่านเล่นได้ Perfect เพราะมีตัวช่วยครับ

2.ท่านสามารถโหลดเซฟจากภาค 2nd มาใช้ได้ โดยข้อมูลส่วนของชุด เงิน และไอเท็มประดับห้อง จะเอามาใช้ต่อในภาคนี้ได้

3.ภาคนี้สามารถดู MV ของเพลงต่าง ๆ ได้ที่เมนูเลือกเพลงด้วยการกดปุ่มสามเหลี่ยม  ครับ ไม่ต้องกดเข้าไปดูถึงในห้อง Diva Room เหมือนภาคที่แล้ว


รายชื่อเพลงและการปลดล็อคอยู่ถัดไปข้างล่างครับ

(ข้อมูลอ้างอิงจาก http://miku.sega.jp/extend/ และ http://projectdiva.wikispaces.com/ ครับ)

ข้อมูลของตัวละครต่างๆ และทีมาของ Vocaloid

หน ๆ ก็ไหน ๆ กันแล้วกระแสมันมาในเกมแรงมากเลยมาแนะนำให้รู้จักกัน 

โปรแกรม Vocaloid เป็น Virtual Vocalist ซึ่งเป็น Singing Synthesis Technology ... 
เพียงเราใส่โน๊ตเข้าไป (ผ่าน format MIDI) แล้วใส่เนื้อร้องเข้าไป เป็นภาษาอังกฤษ ซึ่งตัวโปรแกรมมันจะไปแปลงเป็น phoneme ให้เรา 
(Phoneme คือ หน่วยเสียงที่ย่อยที่สุดในการออกเสียงที่ใช้แยกความแตกต่างของการออกเสียงแต่ละคำ) ... 
เท่านี้เองโปรแกรมก็สามารถร้องออกมาเป็นเพลงให้เราฟังได้แล้ว (สามารถ export ออกมาเป็น wave format ได้) 

โปรแกรม Vocaloid ตัวนี้ผลิตโดยบริษัท Zero G (ของอังกฤษ) Crypton (ของญี่ปุ่น)โดยใช้ engine 
ที่พัฒนาโดยบริษัท Yamaha เสียงร้องได้มาจากการ sampling เสียงร้อง 
ของคนจริงๆ (ตัดเป็น sample ชิ้นเล็กๆ สำหรับแต่ละ phoneme แล้ว 
engine จะประกอบกลับมาเป็นคำที่ร้องออกมา ตาม phoneme ที่เราใส่ในเนื้อร้อง) 

ซึ่งมีรุ่นที่ออกมาดังนี้ 

Vocaloid รุ่น 1 
ภาษาอังกฤษชัด แต่ญี่ปุ่นไม่ค่อยชัดเท่าไร (3 อันแรกไม่มี Mascot นะ) 

Leon - ลีออน 
 

Lola - ลอร่า 
 

Miriam - มิเรียม 
 

Kaito - ไคโตะ 
 

Meiko - เมย์โกะ 
 

Vocaloid รุ่น 2 
ญี่ปุ่นชัด แต่อังกฤษไม่ค่อยชัด 

Hatsune Miku - ฮัตสึเนะ มิกุ 
 

Kagamine Rin / Len - คากามิเนะ ริน / เร็น 
 

Gackpoid - กั๊กปอย 
 

Vocaloid รุ่นแตกหน่อ (ไม่มีอยู่จริง) 

Akita Neru - อะคิตะ เนรุ 
 

ข้อมูล 
- เนรุจังเป็น 1 ใน 2 คาร์แรคเตอร์ที่แยกตัวออกมาจาก Hatsune Miku ที่ดังมากๆเพราะความน่ารัก 
( อีกคนที่ดังมากๆก็ Yowane Haku สาวเฟลชีวิต ) 

Akita Neru ตัวคันจิชื่อของเธอจริงๆมันไม่มีความหมาย แต่ค่อนข้างมั่นใจว่า 
ชื่อของเธอเล่นเป็นคำพ้องกับประโยคที่ว่า Akita Neru ( ตูเบื่อละ ไปนอนดีกว่า ) 
ซึ่งมาจากอาการของโปรดิวเซอร์ที่หมดไฟกลางคันระหว่างแต่งเพลงที่เกิดขึ้นกับ หลายต่อหลายคนแน่ๆ .... 
เนรุจึงเป็นตัวละครที่มีนิสัยออกแนวๆสาวซึนขี้เบื่อ ร้องเพลงอยู่ดีๆถ้าหมดอารมณ์ขึ้นมาก็จะคว้ามือถือมาเล่นมาโทรคุยเอาดื้อๆ 

จากความน่ารักซึนเดเระ(ปากไม่ตรงกับใจ)สุดยอด 
เนรุจึงได้รับความนิยมอย่างล้นหลามที่ญี่ปุ่น =w= 
( แต่เสียงเพลงที่เธอร้องก็เสียงแบบมิกุอะนะ.. ) 


Yowane Haku - โยวาเนะ ฮาคุ 
 

ข้อมูล 
- เป็นตัวละครที่แตกหน่อออกมาจาก Hatsune Miku ซึ่งนับเป็นตัวละครแตกหน่อที่ดังมากตัวนึงทีเดียว 

ชื่อ Yowane Haku ของเธอคนนี้ ถ้าจะแปลออกมาแล้ว ก็จะได้ Yowa = weak / Ne = เสียง / Haku = สำรอก ..... 
เพลงที่ขึ้นเป็นชื่อของเจ๊ฮาคุร้อง จะออกมาเป็นเสียงของมิกุที่ฟังแล้วไร้อารมณ์มาก เสียงตายๆ น่าเบื่อๆ 
( เป็นผลที่เกิดขึ้นจากการที่เหล่าโปรดิวเซอร์มือใหม่ทั้งหลายยังไม่ชำนาญ โปรแกรม เลยแต่งออกมาได้เสียงแบบนี้ ) 
เจ๊ฮาคุจึงมีคาร์แรคเตอร์เป็นมนุษย์เฟลชีวิต ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่อง กินเหล้านั่งเฟลร้องไห้เมาค้างอยู่ในมุมมืดไปวันๆ .... 
นอกจากนี้ เจ๊ฮาคุ มีชื่อเล่นว่า Tsumannee ( กล้อมแกล้มแปลไปได้ว่า เจ๊ห่วย ) จริงๆคือเพลงที่เจ๊เค้าร้อง มันชวนหลับจริงๆ 
เวลาคนเค้าฟังกันก็เลยจะคอมเมนท์กันว่า Tsumaranai ( น่าเบื่อ ) 
ซึ่งภาษาพูดจะเพี้ยนเป็น Tsumannai หรือ Tsumannee 
โดยเสียง nee มันพ้องกับคำว่า พี่สาว คนเค้าก็เลยใช้เป็นชื่อเล่นให้เจ๊ไป 

ส่วนคนที่อยากรู้ว่าตัวที่แตกหน่ออกมามีเยอะขนาดไหนก็เชิญดูเอาเอง 

ส่วนชื่อนั้นก็ดูได้จากนี่เลยเรียงจากซ้ายไปขวา 

แถวที่ 1 
คนแรกไม่ปรากฎชื่อ 
耗谷メテ Mouya Mete 
初音ズミ Hatsune Zumi 
ミクオ Mikuo (มิคุผู้ชาย) 
はちゅねミク Hachune Miku 
弱音ハク Yowane Haku 
亞北ネル Akita Neru 
雑音ミク Zatsune Miku 
闇音アク Yamine Aku 
鋼音ミク Hagane Miku 

แถวที่ 2 
甘音クミ Amane Kumi 
愛音カイ Ainone Kai 
愛音カナAinone Kana 
子守音ノンKomorine Non 
子守音レム Komorine Remu 
乙音ペケOtone Peke 
鈴音フク Suzune Fuku 
電音ドピ Denne(?) Dopi 
呪音キク Juon Kiku 
隣音サイ Tonarine Sai 
華音ミル Hanane Miru 

แถวที่ 3 
KAIKO (ไคโตะผู้หญิง) 
MaKAITO 
HAITO 
帯人 TAITO 
ミドリト MIDORITO 
キカイ KIKAITO 
アカイト AKAITO 
灰音レン Haine Ren 
MEITO 
声子 SEIKO 
茶音ヨク Saon Yoku 

แถวที่ 4 
病音ヤミ Yamune Yami 
葉音アカリ Youne Akari 
天音ミル Amane(?) Miru 
迷子 Maiko 
モカイト MoKAITO 
亞乃音ム Anone Muri 
呪音イコ Juon Iko 
風見音レツ Kazamine Retsu 
風見音セン Kazamine Sen 
月音シン Tsukine Shin 
遠音リク Toone Riku 

ส่วนแถวล่างสุดเป็นตัวต้นแบบที่มีอยู่จริงทั้งหมด 
MEIKO 
KAITO 
Kagamine Len 
Kagamine Rin 
Hatsune Miku